ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสองถึงสามเดือนที่ผ่านมาประเด็นที่เป็นปัญหาหนักใจของคนทั้งโลกนั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างที่เราได้เคยกล่าวถึงในโพสต์ก่อนๆถึงผลกระทบโดยตรงต่อทั้งสุขภาพ และเศรษฐกิจภายในประเทศ ยิ่งในช่วงสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

แต่สิ่งหนึ่งที่ส่งผลให้ความน่ากลัวของ COVID-19 นี้ทวีคูณเพิ่มมากขึ้นคือข่าวที่นำเสนอออกมา ในโลกที่ทุกคนสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย ข่าวสารสามารถถึงผู้รับได้เร็วขึ้นกว่าแต่ก่อน แน่นอนนี่เป็นข้อดีที่เราได้รับข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีข้อเสียที่บางครั้งข่าวสารดังกล่าวก็ไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด หรือแม้กระกระทั่งข่าวสารที่ได้รับมีข้อมูลเป็นเท็จ หรือที่เรียกว่า Fake News นั่นเอง โดยสิ่งที่ส่งผลให้ COVID-19 มีความน่ากลัวขึ้นนั้น ส่วนใหญ่มาจาก Fake News ที่ส่งต่อกันทาง LINE, Facebook Messenger หรือช่องทาง Social Media อื่นๆ จนทำให้เราเกิดอาการ PANIC แทนที่จะติด COVID กัน ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดสะสม ผนวกกับเหตุการณ์ที่ผ่านๆมาด้วยแล้ว ยิ่งส่งผลให้เกิดความเครียดสะสมทวีคูณมากขึ้นไปอีก วันนี้เราจึงอยากนำเสนอวิธีรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

อันที่จริงแล้ว ทุกคนทุกอาชีพก็ล้วนต่างได้รับผลกระทบจากความเครียดที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ด้วยกันทั้งสิ้น

แต่ในหัวข้อนี้จะเป็นการจัดอันดับผู้ที่เกิดความเครียดสูง ต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว โดยหยิบยกข้อมูลจากเว็บไซต์ CDC (Centers for Disease Control and Prevention) หรือกรมการควบคุมโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา ที่ได้ทำการสำรวจประชากรภายในประเทศและจัดอันดับผู้ที่ได้รับความเครียดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไว้ดังนี้

เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีโอกาสติดเชื้อและเสียชีวิตง่ายที่สุด อีกทั้งอัตราผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากการติดเชื้อดังกล่าว 80% นั้นเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุเฉลี่ย 65 ปีขึ้นไป

จากการศึกษาพบว่าผู้ที่มีโรคประจำตัวนั้น มีโอกาสเสียชีวิตจากการติดเชื้อ COVID-19 และเสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนมากกว่าผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงปกติ

หรือผู้ที่มีบุตรหลาน เนื่องจากเกิดความกังวลว่าบุตรหลานของตัวเองนั้นไม่มีภูมิต้านทานเพียงพอ อีกทั้งกังวลว่าจะได้รับเชื้อจากที่อื่น หรือคนอื่นๆด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก www.CDC.gov

ลักษณะอาการของความเครียด

กังวลเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของตนเองหรือคนรอบข้างมากเกินไป การเป็นห่วงสุขภาพนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่หากมีมากจนเกินไป นั่นเป็นสัญญาณของความวิตกกังวลหรือความเครียดที่เพิ่มมากขึ้น เช่น มีอาการไอ หรือ ปวดหัวเพียงเล็กน้อยก็กังวลว่าตนเองติดเชื้อ หรือ เห็นผู้ที่มีอาการดังกล่าวแล้วไม่อยากเข้าใกล้ หรือแม้กระทั่งแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมออกไป
พฤติกรรมการรับประทานอาหารเปลี่ยนไป ความเครียดนั้นส่งผลโดยตรงต่อร่างกายของเรา โดยสัญญาณแรกของความเครียดนั้นคือการเบื่ออาหาร หรือรับประทานอาหารไม่ลง
พฤติกรรมการนอนเปลี่ยนไป หรือ นอนไม่หลับ เมื่อเกิดความเครียดสะสม ภาวะที่ตามมาของความเครียดที่สะสมมากนั้นจะส่งผลให้หลับได้ยาก หลับไม่สนิท หรือนอนไม่หลับตามความรุนแรงของความเครียดนั้นๆ
พฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบุหรี่ที่เพิ่มขึ้น หรือการใช้สารเสพติดอื่นๆ เมื่อมีอาการนอนไม่หลับ ตัวช่วยอย่างหนึ่งที่หลายคนเลือกคือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่เพื่อคลายเครียด ถึงแม้สิ่งเหล่านี้อาจมีส่วนช่วยในลดความเครียด แต่การใช้สิ่งเหล่านี้บ่อยๆ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อร่างกายแน่นอน